Translate

17 พ.ย. 2556

ถ้ำเจ็ดคต




          ถ้ำเจ็ดคตหรือ “ถ้ำสัตคูหา” ตั้งอยู่ในหมู่ที่ 10ตำบลน้ำผุดอำเภอละงูด้านทิศเหนือของน้ำตกวังสายทองห่างไปราว 2 กิโลเมตร ระยะห่างจากเขตเทศบาลตำบลกำแพง 38 กิโลเมตร เส้นทางไปมาสะดวก ลาดยางถึงบริเวณถ้ำ  จึงเดินทางไปท่องเที่ยวได้ตลอดปี ถ้ำเจ็ดคตมีความกว้าง 70-80 เมตร ยาวประมาณ 600 เมตร แบ่งออกเป็น 7  ช่วงหรือคูหา บางช่วงมีความสูงของเพดานถ้ำ 100-200 เมตร มีลำคลองไหลผ่านในถ้ำ คือ คลองมะนัง ต้นน้ำเกิดจากถ้ำโตนอยู่ทางเหนือของถ้ำป่าพน  อำเภอมะนัง คลองมะนังไหลออกปากถ้ำไปบรรจบกับคลองละงู  ซึ่งมีต้นน้ำเกิดจากภูเขาในจังหวัดตรัง
          ภายในถ้ำซึ่งแบ่งเป็น 7 ช่วง มีบรรยากาศแตกต่างกันลำคลองไหลไปตามความคดเคี้ยวของตัวถ้ำ สายน้ำจึงมีความตื้นลึกไม่เท่ากัน ในช่วงหน้าแล้ง  น้ำลึกแค่ท่วมข้อเท้า  เดินลุยไปได้อย่างสบาย  บางตอนอาจลึกเกิน 5 เมตร ช่วงหน้าฝน น้ำหลาก จะเดินทางเข้าไปได้ค่อนข้างยาก นักท่องเที่ยวต้องเดินลัดเลาะไปตามริมผนังถ้ำ เดินลุยน้ำ บางตอนเป็นหาดทรายผสมกรวดบ้าง บางคูหามีพื้นที่เป็นโคลนเลน ต้องระมัดระวังในการเดินเป็นพิเศษควรมีไฟฉายติดตัวไปด้วย
          บรรยากาศในถ้ำเงียบสงัด  แทรกด้วยเสียงน้ำไหลสลับกับเสียงลุยน้ำและเสียงสนทนาจากผู้มาเยือนเป็นระยะ ๆ  สิ่งที่เรียกเสียงอุทานด้วยความพึงพอใจจากนักท่องเที่ยวทั่วหน้าก็คือ ดวงตาวาววับล้อแสงไฟที่ส่องไปกระทบของกลุ่มค้างคาวที่เกาะตัวอยู่บนเพดานถ้ำ ดูราวกับกลุ่มดาวเคราะห์บนฟากฟ้าอันไกลโพ้น  มีหินงอกหินย้อยอยู่ทั่วไปก่อเกิดจินตนาการที่กว้างไกลแก่ผู้พบเห็น  เมื่อเดินทางถึงคดสุดท้ายหรือคดที่เจ็ด  มีลำแสงส่องจากปากถ้ำ  เหมือนแสงแห่งชัยชนะมอบให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางถึงคูหาสุดท้ายใช้เวลาในการลัดเลาะไปตามผนังถ้ำลุยน้ำ  ชมธรรมชาติประมาณ 30 นาที
          ถ้ำเจ็ดคตมีลักษณะพิเศษ แตกต่างจากถ้ำอื่น ๆ มีลำคลองลอดถ้ำ คดเคี้ยวไปตามลักษณะธรรมชาติของตัวถ้ำมีถึง 7 คูหา เป็นที่มาของชื่อถ้ำแห่งนี้  มีผู้ตั้งชื่อใหม่ว่า ถ้ำสัตคูหาพร้อมตั้งชื่อของแต่ละคูหา ดังนี้
คูหาที่ 1  เรียกว่า สาวยิ้ม”  ผนังถ้ำมีสีเขียวมรกตมีหินงอกหินย้อยอยู่หน้าถ้ำ

คูหาที่ 2 เรียกว่า  “นางคอย”  มีหินงอก  หินย้อย  สวยงาม และฝูงค้างคาวจำนวนมาก
คูหาที่ 3 เรียกว่า  “เพชรร่วง”  ส่วนบนของผนังถ้ำมีช่อง  ให้แสงอาทิตย์ส่องลอดลงมาได้  เมื่อแสงอาทิตย์กระทบกับผนังถ้ำจึงเกิดประกายแวววาวเหมือนเพชร
คูหาที่ 4  เรียกว่า เจดีย์สามยอด”  พื้นทางเดินเป็นหิน  ลักษณะคล้ายดอกกุหลาบ
คูหาที่ 5  เรียกว่า น้ำทิพย์”  ตามผนังถ้ำเป็นหินย้อยสีขาว และน้ำตาล  เป็นหลืบซ้อนกันมองดูคล้ายผ้าม่าน
คูหาที่ 6  เรียกว่า ฉัตรทอง”  มีหินงอกหินย้อยซ้อนเหลื่อมกันเป็นชั้นเสมือนฉัตร
คูหาที่ 7  เรียกว่า ส่องนภา”  ภายในมีหินงอก  หินย้อย  รูปทรงคล้ายดอกบัวคว่ำ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น